ฝรั่งเหวี่ยงตำรวจ หลังขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นทางด่วน โดนปรับ 1 พันบาท

ฝรั่งเหวี่ยงตำรวจ หลังขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นทางด่วน โดนปรับ 1 พันบาท

วันนี้ (10 ก.ค.) มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโซเชียลมีเดียหลักชาวต่างชาติรายหนึ่งที่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX เที่ยวรอบโลก ขี่รถคันดังกล่าวขึ้นทางด่วนในกทม.และถูกตำรวจจับปรับ 1,000 บาท

โดยชาวต่างชาติรายนี้ได้ถ่ายรูปตำรวจกับรถจักรยานยนต์ของตนบนทางด่วนและบรรยายภาพว่า 

ตำรวจคงจะอิจฉารถของตน ตนเลยต้องจ่าย 1,000 บาทแลกกับการไม่ต้องไปสถานีตำรวจ พร้อมแฮชแท็ก กล่าวหาว่าเป็นการคอรัปชั่น หลังจากชายรายนี้โพสต์รูปและข้อความไปเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นทั้งไทยและอังกฤษจำนวนมาก โดยหลายคนชี้ว่ากฎหมายของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน และหากเที่ยวรอบโลกก็ควรศึกษากฎหมายของประเทศที่จะไปเสียก่อน หลายคนก็นำภาพป้ายที่ติดตั้งไว้ก่อนขึ้นทางด่วนมาแปะในความคิดเห็นเพราะมีป้ายห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นอยู่ชัดเจน แต่หลายๆ คนก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมตำรวจจึงไม่พาตัวชาวต่างชาติรายนี้ไปปรับที่สถานีตำรวจ

จากดราม่าระหว่างสองเวทีเริ่มต้นขึ้น เมื่อ Miss Grand International 2018คลาร่า โซซาได้ถ่ายรูปอวดหุ่นเป๊ะขณะไปปฏิบัติภาระกิจที่ประเทศสเปน กระทั่งแฟนนางงามบางกลุ่มเริ่มมีการเปรียบเทียบว่าถึงจะหุ่นดีแต่ก็สวยสู้อีกเวทีไม่ได้ สรุปดราม่า

ล่าสุด น้ำเพชร ฏีญาร์ภา อดีตรองอันดับ2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ได้ออกมาโพสต์ถึงประเด็นดราม่านี้ผ่านเฟซบุ๊คเพจของเธอว่า

ศัลกรรม ทำแล้วสวยจะปิดบังทำไมว่าไม่ได้ทำ ดูอย่างสาว เฌอเบลล์-ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ ที่เจ้าตัวบินลัดฟ้าไปถึงเกาหลีเพื่อทำจมูกแบบเปิดเผย พร้อมอัดคลิปลง IG ให้แฟนคลับได้อัพเดทผลงานกันอีกด้วย โดยอธิบายพร้อมว่า “ไปแก้จมูก ใช้กระดูกในจมูกเย็บปลายให้พุ่งขึ้น เพราะปลายจมูกเดิมตก ขูดฟิลเลอร์ออกหมด แล้วใช้ซิลิโคนแบบบางใส่แทน จมูกที่ทำใหม่เหมือนเดิม คือไม่ได้ทำให้โด่งขึ้น” 

ช็อก เศษแท่งปูนBTSอารีย์หล่นกลางถนน บุญรักษาไม่โดนหัวใครตาย ปูน BTS หล่น – วันที่ 9 ก.ค. วลีฮิต “กรุงเทพ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว” ก็กลับมากระหึ่มโลกออนไลน์อีกครั้งในลักษณะประชดประชันหลังผู้ใช้เฟซบุ๊ก Isara Ariyachaipanich โพสต์ภาพเหตุการณ์สุดหวาดเสียว แท่งของปูนรถไฟฟ้าบีทีเอสอารีย์แตกร่วงหล่นกลางถนน โชคดีที่ไม่โดนผู้ขับขี่สัญจรไปมาด้านล่าง จึงไม่เกิดความสูญเสียขึ้น และคนขับรถเมล์พลเมืองดี ได้ย้ายเศษปูนนั้นมาไว้ริมขอบถนน

“ตกมาจากสถานีรถไฟฟ้า อารีย์ครับ เมื้อกี้เลย ดีไม่โดนใคร พี่รถเมล์ยกมาวางข้างๆถนน เเจ้ง FB BTS ละครับ ถ้าตกลงมาโดนรถ หรือ มอเตอร์ไซค์ คงมีคนตาย”

รวบโจรสาวปล้นทอง 11 บาท หาเงินไถ่รถเก๋งติดไฟแนนซ์

วันนี้ (10 ก.ค.) ตำรวจระยองรวบตัว น.ส.บุญแตง ชินภูเขียว อายุ 36 ปี หลังบุกวิ่งราวทองคำมูลค่า 11 บาทในร้าน ห้างทองภูมิฐาน ในอ.ปลวกแดง โดยเจ้าตัวสารภาพว่าติดการพนันอย่างหนัก จึงหาเงินไปไถ่รถยนต์ที่โดนไฟแนนซ์ยึด โดยยืนยันว่าลงมือทำเพียงคนเดียว ส่วนสามีคือ นายสาโรจน์ ผาสุก อายุ 36 ปี ไม่รู้เรื่องด้วย

โดยเหตุชิงทองนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. น.ส.บุญแตงได้วิ่งราวสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น และสร้อยข้อมือหนัก 3 บาท 2 เส้น รวม 11 บาท ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์สีแดง-ดำ หนีไป

ตำรวจได้แบ่งกำลัง 2 ชุดออกติดตามโจรสาวรายนี้จากกล้องวงจรปิด โดยตรวจสอบพบว่าคนร้ายเป็นพนักงานในโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อ.ปลวกแดง ตำรวจจึงไปดักซุ่มที่บ้านของน.ส.บุญแตงเลขที่ 88/501 ตลาดบ่อวิน ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แต่พบว่าเจ้าตัวยังไม่กลับบ้าน และขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานที่โรงงานตามปกติ ในขณะเดียวกัน ในสื่อโซเชียลมีเดียก็มีการแชร์ภาพคนร้าย เพื่อให้คนช่วยกันติดตามและแจ้งเบาะแสกับตำรวจ จนมาทราบว่านายสาโรจน์ คือสามีของน.ส.บุญแตง แต่นายสาโรจน์ไม่รู้เรื่องที่ภรรยาก่อเหตุ โดยในวันนี้ ตำรวจได้รวบตัวน.ส.บุญแตง ขณะเดินทางกลับจากอ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลังไปรับรถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า 2 ที่เคยถูกไฟแนนซ์ยึดเพราะขาดส่ง 6 งวด

หลังโดนรวบ น.ส.บุญแตง บอกกับตำรวจว่าได้นำทองทั้งหมดที่วิ่งราวมาไปขายเพื่อโอนเงินให้ไฟแนนซ์แล้ว และเล่าว่าตนติดพนันออนไลน์ จนถึงกับถอนเงินเก็บกว่า 100,000 บาทออกมาเล่นพนันจนหมด แต่ยืนยันว่านายสาโรจน์ ไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตาม ตำรวจตรวจพบว่า น.ส.บุญแตง ได้ขายไปเฉพาะสร้อยข้อมือ 2 เส้น แต่ยังเก็บสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทไว้ในตู้เสื้อผ้าที่บ้าน จากรายงาน เล่าว่าหลังนายสาโรจน์ทราบเรื่องว่าภรรยาตนเป็นโจรวิ่งราวทองที่ห้างทองภูมิฐาน ก็ตกใจอย่างมาก เพราะตนและภรรยามีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง และได้เงินเดือนรวมกันประมาณ 40,000 บาท

ส่งพัสดุบรรจุยาเสพติด – ไม่รู้เป็นกระแสระบาดอะไรหรือไม่ ช่วงนี้ปรากฏกรณียาเสพติดผ่านพัสดุไปรษณีย์บ่อยมาก โดนไม่ทราบแน่ชัดถึงเจตนาที่แท้จริง กรณีล่าสุดเกิดขึ้นที่หมู่ที่ 3 ต.วัง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

ขณะที่มีการประชุมหมู่บ้าน มีไปรษณีย์มาส่งพัสดุซึ่งจ่าหน้าซองชื่อ นายเฉลิม นิลวรรณ ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ 5 ปีก่อน ส่วนครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็ย้ายไปอยู่ที่ จ.ชลบุรีหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่บ้าน นายชัยชนะ ทิพย์มณี อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 เอะใจถึงความผิดปกติ จึงตัดสินใจให้เปิดต่อหน้าชาวบ้านจำนวนมากเพื่อเป็นพยาน

เมื่อเปิดออกมาชั้นแรก ก็พบว่าห่ออีกชั้นพร้อมประทับตรา  999 จึงได้นำไปส่งมอบต่อให้ตำรวจ ตำรวจเปิดออกมาก็พบว่าเป็นยาบ้า 40,000 เม็ดอย่างที่คาดไว้ หลังจากนั้นตำรวจจะสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาคนกระทำผิดต่อไป

credit : lesalternatifsdefranchecomte.com lescreasdefanfan.com marybethharrellforcongress.com miamidolphinsdailynews.com michaelkorsbay.org milkcantheatre.org nakliyathizmetleri.org nessendyl.net newyorklovesmountains.org